วันอังคารที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

หนีห่าวเซี่ยงไฮ้ : รีวิวโรงแรม Hanting Hotel ย่านPudong ดีและถูก 

มีโอกาสได้ลองใช้บริการโรงแรมที่เซี่ยงไฮ้ในคืนแรกๆที่มาถึง ซึ่งโรงแรมนี้ ทางออฟฟิศของแฟนจองให้ จึงเป็นโรงแรมแบบ Business Hotel อยู่ใกล้ๆออฟฟิศแฟน รวมทั้งใกล้สถานีรถไฟใต้ดินมากๆชนิดเดินไม่กี่ก้าวก็ถึงสถานี และเป็นสถานีที่ห่างจากสถานี Lujiazui ซึ่งเป็นที่ตั้งของแลนด์มาร์คทั้งหลายของเซี่ยงไฮ้เพียง 3สถานี แถมบริเวณนั้น ก็มีร้านอาหารเยอะมาก ถูกแพงเลือกได้ตามอัธยาศัย นอกจากทำเลที่ตั้งจะไม่เลวแล้ว คุณภาพของห้องพักถือว่าใหม่และมีมาตรฐานมากๆ แม้ขนาดห้องที่ได้พักจะไม่ใหญ่ แต่ก็มีทุกอย่างครบตามที่ห้องพักโรงแรมควรจะมี และคุณสมบัติที่สำคัญที่สุดที่เราต้องขอเอามารีวิว บอกต่อก็คือ ราคาที่ไม่แพงเลย ตรงตามคอนเซ็ปท์ on a budget  มาเริ่มกันเลยดีกว่า  ตั้งแต่ประตูห้อง มีระบบล๊อคตามมาตรฐาน ขวามือเป็นห้องน้ำที่เหมือนยกมาวางในห้องอีกที พื้นจึงสูงนิดนึงต้องก้าวชั้นหน่อย ข้อเสียคืออาจจะไม่เหมาะกับคนชราหรือผู้พิการค่ะ ถัดเข้ามาข้างในจะมีอาร์มแชร์และโต๊ะกลมเล็กๆ สามารถนั่งทำงานหรือทานอาหารตรงนี้ได้ค่ะ มีโคมไฟตั้งพื้นให้ด้วยด้านหลัง ข้างๆเป็นเตียงนอน หลับสบายมากเลย เครื่องปรับอากาศของโรงแรมนี้จะมีทั้งฮีตเตอร์และแอร์ในตัวเดียวกันนะคะ ถ้าอยากให้อุณหภูมิอุ่นขึ้นให้สังเกต จะต้องมีสัญลักษณ์พระอาทิตย์ขึ้นด้วย ที่นี่ไม่มีตู้เสื้อผ้า แต่จะมีราวแขวนเสื้อผ้าพร้อมไม้แขวนเสื้อให้ เพื่อการประหยัดพื้นที่ค่ะ ข้างๆราวแขวนเสื้อผ้าคือโต๊ะติดผนังเล็กๆเพื่อการประหยัดพื้นที่อีกเช่นเดียวกัน ไว้วางชุดแก้ว น้ำ และกาต้มน้ำร้อนไฟฟ้า  ม่านหน้าต่างเป็น2ชั้น ทึบและโปร่ง   ทีวีมีให้ดูค่ะ ช่องจีนทั้งน้าน โต๊ะข้างเตียง มีสลิปเปอร์ให้ด้วยค่ะ สลิปเปอร์ที่นี่จำเป็นมากโดยเฉพาะในช่วงที่อากาศหนาว เท้าเราจะได้ไม่สัมผัสพื้นเย็นๆโดยตรง เหนือโต๊ะหัวเตียงมีเต้ารับสำหรับเสียบชาร์จอุปกรณ์ต่างๆของเราได้ ห้องน้ำที่นี่สะอาดเรียบร้อย มีทุกอย่างที่ห้องน้ำควรจะมี วิวห้องนี้ จากชั้น2 ไม่เลวนะคะ ได้เห็นวิถีชีวิตชาวเซี่ยงไฮ้เพลินๆ ที่เหลือก็เก็บรูปในห้องน้ำมาค่ะ เอาเป็นว่าสะดวกสบายตามสมควร ในราคาไม่ต่างจากไทยเลย พิกัดก็อยู่สถานี Pudian road สาย 4 นะคะ โรงแรมจะอยู่ใกล้แยกไฟแดงพอดี ลูกศรคือทางออกสถานีค่ะ

วันพุธที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ตัวอย่างรูปถ่ายเพื่อขอวีซ่าเยี่ยมสามีระยะยาวที่จีน และขนาดที่ต้องใช้

รูปถ่ายเพื่อขอวีซ่าเยี่ยมสามีระยะยาวที่จีน เราสามารถถ่ายเองและปริ๊นเองได้ที่บ้านค่ะ หลักในการถ่ายรูปมีประมาณนี้ค่ะ

1. ถ่ายในแสงที่เพียงพอ และปรับแสงในคอมให้พอดีก่อนปริ๊น

2. ฉากหลังสีขาวดีที่สุดค่ะ ใช้ได้ทุกงาน

3. พยายามเปิดใบหน้า ให้เห็นหูทั้งสองข้าง

4. ถ่ายให้ครอบคลุมไว้ก่อน แล้วมาครอบให้ใกล้เคียงกับตัวอย่าง

5. แต่งกายให้สุภาพไว้ก่อน

ตัวอย่าง และขนาด

รูป 1นิ้ว




รูป 2นิ้ว


การเขียนจดหมายเชิญเพื่อขอวีซ่าเยี่ยมสามีระยะยาว และขอresident permitเมื่อไปถึงจีน

​กรณี : ร่างจดหมายเชิญจากสามี เพื่อขอวีซ่าเยี่ยมสามีแบบระระยาวสำหรับภรรยา  และขอresident permitเมื่อไปถึงจีน

จดหมายเชิญนั้น ไม่มีแบบฟอร์มตายตัวค่ะ สำคัญที่เนื้อหาในจดหมาย ต้องมีข้อมูลสำคัญครบถ้วน ได้แก่  
1. ชื่อ-นามสกุล ของสามี และหมายเลขพาสปอร์ต (ที่มีอายุเหลือครอบคลุมระยะเวลา1ปี นับจากวันที่คาดว่าจะบินไปถึงจีน)  
2. ที่อยู่ที่จีน(ถ้ายังไม่รู้ให้ใส่ที่อยู่เจ้านายหรือเพื่อนร่วมงานที่จีนไปก่อนก็ได้ค่ะ), 
3. เบอร์โทรศัพท์เพื่อติดต่อสามี,  
4. วันที่ที่คาดว่าจะไปจีน 
5. ชื่อ-นามสกุล ของภรรยา วันเกิด และหมายเลขพาสปอร์ต (ที่มีอายุเหลือครอบคลุมระยะเวลา1ปี นับจากวันที่คาดว่าจะบินไปถึงจีน) 
6. ที่อยู่ที่ไทยของภรรยา 
7. เบอร์โทรศัพท์ภรรยา 

ตัวอย่างที่1


ตัวอย่างที่2



ลิงค์สำหรับดาวน์โหลดไฟล์เพื่อเขียนจดหมายเชิญค่ะ

แบบฟอร์ม1 
แบบฟอร์ม2

แบบฟอร์มจดหมายเชิญเพื่อขอresident permit

วันจันทร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2560

การแปลทะเบียนสมรสไทยเป็นภาษาอังกฤษเพื่อยื่นรับรองเอกสาร

          การแปลทะเบียนสมรสด้วยตัวเอง อาจจะต้องยอมเสียสละความสะดวกนิดหน่อย แต่ก็เป็นอีกทางเลือกสำหรับใครที่อยากจะประหยัดค่าแปลเอกสาร ซึ่งตอนเราแปลเองนั้น ก็ค้นคว้าวิธีเองจากกูเกิ้ลซึ่งอาจจะต้องค้นจากหลายๆที่หน่อย  เนื่องจากตัวอย่างที่เจออาจจะมีข้อมูลรายละเอียดบางอย่างที่แตกต่างจากเรา  วันนี้เราเลยอยากรวบรวมข้อมูลที่คิดว่าน่าจะครอบคลุมไง้ในที่เดียว  จะได้สะดวกกับคนที่มีความจำเป็นและอยากประหยัดค่ะ 

          ทะเบียนสมรส จะมี2ส่วนด้วยกัน คือ ใบสำคัญการสมรส และทะเบียนสมรส ให้เราแปลเอกสารทั้ง2ส่วนเลยค่ะ ซึ่งตอนเราค้นคว้าวิธีการแปล เราไปเจอบล็อกคนนี้เขียนไว้ดีมาก 

ช่วยให้เราเริ่มต้นแปลเองได้ และประกอบกับกูเกิ้ลดูตัวอย่างจากคนอื่นๆอีก จนได้ออกมาเป็นหน้าตาแบบนี้ค่ะ 

  ต้นฉบับ


เอกสารแปล
   

ลิงค์สำหรับดาวน์โหลดเอกสารต่างๆค่ะ
  แบบฟอร์มแปลทะเบียนสมรส คร.2
  แบบฟอร์มแปลใบสำคัญการสมรส คร.3
  ชื่อจังหวัด อำเภอ ตำบลฯลฯ ไทยอังกฤษ
  ชื่อหน่วยงานปกครอง ไทยอังกฤษ
  ชื่อตำแหน่งข้าราชการ ไทยอังกฤษ

วันเสาร์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2560

หนีห่าวเซี่ยงไฮ้ : ขั้นตอนการขอวีซ่าจีน (ประเภทS1) เพื่อติดตามสามีคนไทยที่มาทำงาน

           " สวัสดีค่ะ บทความนี้เราเขียนขึ้นเพราะอยากบันทึกรวบรวมประสบการณ์ตรงของเราเอง ตั้งแต่เริ่มต้นจนจบกระบวนการการขอวีซ่าตลอดจนResident permit เพื่ออาศัยและเข้าออกประเทศจีนได้เป็นระยะเวลา1ปี เผื่อใครที่กำลังหาข้อมูลในกรณีเดียวกับเรา จะได้เป็นประโยชน์ค่ะ "  

กรณี : สามีคนไทยของผู้หญิงไทยมาทำงานที่เซี่ยงไฮ้ และฝ่ายหญิงต้องการติดตามมาอยู่ด้วย  

ขั้นตอน : แบ่งเป็น 2 ช่วงใหญ่ๆคือ  1. ก่อนบินไปจีน 2. หลังเข้าประเทศจีนแล้ว   

ก่อนบินไปจีน 

เอกสารที่ต้องเตรียม 

1. พาสปอร์ต ของทั้งคู่ ต้องมีอายุเหลือเกิน 1 ปี นับจากวันที่ไปถึงจีน และสำเนาบัตรประชาชน 

2. ทะเบียนสมรส > ทะเบียนสมรสที่แปลเป็นภาษาอังกฤษและรับรองเอกสารโดยกรมการกงศุลไทย > ทะเบียนสมรสที่แปลเป็นภาษาอังกฤษและรับรองเอกสารโดยกรมการกงศุลไทยและรับรองอีกครั้งโดยสถานทูตจีน การแปลทะเบียนสมรสไทยเป็นภาษาอังกฤษเพื่อยื่นรับรองเอกสาร 

3. จดหมายเชิญจากสามี (เราร่างเองและให้สามีเซ็นต์) การร่างจดหมายเชิญ 

4. เอกสารจากออฟฟิศจากจีน ได้แก่ ใบเอเลี่ยน (สีเขียวอ่อน) และจดหมายเชิญ (มีบาร์โค้ดมุมบนขวา ซึ่งต้องบอกทางออฟฟิศล่วงหน้าไว้เลยว่าให้ใส่ชื่อเราซึ่งเป็นภรรยาลงไปด้วย จะมีผลให้สามารถขอวีซ่าได้พร้อมกับสามีไปเลย) เอกสารทั้ง2แผ่นนี้ ผ่านการรับรองจากรัฐบาลจีน และต้องส่งตัวจริงมาหาเราทางไปรษณีย์ 

5. รูปถ่ายปัจจุบัน พื้นหลังขาวดีที่สุด ขนาด 1 นิ้ว และ 2 นิ้ว เตรียมไว้อย่างละ 1 โหลเลยก็ได้ ตัวอย่างรูปถ่าย 

ขั้นตอนการขอวีซ่ามีดังนี้ค่ะ 

1. สามียื่นเรื่องขอwork permit  

2. work permit อนุมัติโดยรัฐบาลจีนแล้ว ทางออฟฟิศ เขียนจดหมายเชิญและยื่นให้รัฐบาลอนุมัติ 

3. แปลและยื่นขอรับรองเอกสารแปล "ทะเบียนสมรส" กับกรมการกงศุลไทย ขั้นตอนนี้ ให้เรานำทะเบียนสมรสที่เป็นภาษาไทย มาแปลเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งเราสามารถแปลได้เอง หรือจ้างนักแปลก็ได้ การแปลทะเบียนสมรสไทยเป็นภาษาอังกฤษเพื่อยื่นรับรองเอกสาร 

4. ให้ทางออฟฟิศที่จีน ส่งwork permit ของสามี และจดหมายเชิญมาทางไปรษณีย์ จดหมายเชิญ ให้ใส่ชื่อเรา(ภรรยา)ลงไปด้วย 

5. ร่างจดหมายเชิญจากสามี การเขียนจดหมายเชิญเพื่อขอวีซ่า 

6. นำทะเบียนสมรสตัวแปลที่รับรองจากสถานกงสุลแล้ว มายื่นกับศูนย์วีซ่าจีน เพื่อขอรับรองจากสถานทูตจีนอีกที 

7. รวบรวมเอกสารทั้งหมด ไปยื่นขอวีซ่าที่ศูนย์บริการวีซ่าจีน อาคารธนภูมิ ชั้น5 ก่อนยื่น เราต้องต่อคิวเพื่อตรวจเอกสารและรับบัตรคิวที่เคาน์เตอร์ด้านหน้า เจ้าหน้าที่ตรงนั้นเค้าจะบอกว่าให้สำเนาเอกสารตัวไหนบ้าง และให้แบบฟอร์มกรอกคำร้องขอวีซ่าคนละ 1 ฉบับ เราก็กรอกให้เสร็จแล้วขอบัตรคิวเพื่อยื่นเอกสาร 

เมื่อได้วีซ่าแล้ว พอบินไปถึงจีน ขั้นตอนที่จีนจะมีดังนี้ค่ะ 

1. เราต้องรีบไปที่สถานีตำรวจใกล้บ้าน ให้เจ้าของบ้านหรือเอเจนท์พาเราไป เพื่อรายงานตัว แล้วเค้าจะมีใบสีขาวเอ4มาให้เรา เราก็เอาไปให้ Hr ของแฟนจัดการให้ 

2. รอแฟนทำ work permit ที่เป็นเล่มๆคล้ายๆพาสปอต จากนั้นแฟนจะต้องไปตรวจสุขภาพก่อน  

3. เราไปตรวจสุขภาพ รอผล 5 วัน 

4. ไปยื่นขอ resident permit พร้อมแฟน รอผล 10 วัน **เอกสารที่ต้องใช้ก็จะคล้ายๆเดิม ไม่มีอะไรต้องเตรียมเพิ่ม นอกจากจดหมายเชิญ ที่เราต้องเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์สามีจากเบอร์ไทย เป็นเบอร์จีนค่ะ ตัวอย่างจดหมายเชิญจากสามีเพื่อขอResident Permit   

สรุปค่าใช้จ่าย 

1. รับรองเอกสารทะเบียนสมรสที่กรมการกงสุล แบบธรรมดา รอ 4 วัน หน้าละ200 มีทั้งหมด 4 หน้า รวมเป็น 800 บาท 

2. รับรองเอกสารทะเบียนสมรสที่ศูนย์บริการขอวีซ่าจีน แบบธรรมดา รอ 4 วัน 2,100 บาท 

3. ขอวีซ่า แบบธรรมดา รอ 4 วัน คนละ 1,500 บาท 2 คน รวมเป็น 3,000 บาท 

4. ตรวจสุขภาพที่จีน คนละ 581หยวน 5. ขอ resident permit คนละ 800 หยวน

วันเสาร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

Bangkok sunrise @ Bang Krachao Pier - Nahmpueng Pier " ทริปใกล้บ้าน : ถ่ายรูปกับแสงเช้าที่ท่าเรือวัดบางน้ำผึ้งนอก-ท่าเรือวัดบางนานอก "

This trip happened because I needed to travel and photograph but I had a limit of budget and energy so I started searching on google map if anywhere around my place is interesting to visit. Then I found "Bang Krachao"
ทริปนี้เกิดขึ้นเพราะอยากเที่ยว ถ่ายรูป แต่งบน้อยและขี้เกียจ เราเลยเปิดกูเกิ้ลแมพ หาที่เที่ยวที่น่าสนใจ และอยู่ใกล้บ้านมากที่สุด ซึ่งในรัศมีที่ใกล้ที่สุดก็มี "บางกระเจ้า" อยู่ในนั้น

05.45 เริ่มต้นทริปด้วยการโบกแท็กซี่จากแถวๆสถานีรถไฟฟ้า อุดมสุข บอกพี่แท็กซี่ว่าไป "ท่าเรือวัดบางนานอก" ประมาณ 12 นาทีก็ถึง ค่ารถแท็กซี่ 55 บาทค่ะ
05.45am started the trip by taxi from around Udomsuk BTS station. Asked driver to go to "Wat Bangnanok Pier" or in Thai is "Ta reuar Wat Bangnanork". It took 12 minutes with 55 Baht only.

ลงจากแท็กซี่ หันหน้าเข้าแม่น้ำเจ้าพระยา จะมีท่าเรือ มีโป๊ะอยู่2โป๊ะ ให้เราไปรอเรือข้ามฟากที่โป๊ะด้านซ้ายมือ เดินเลาะกำแพงวัดไป
When arrived, face the river and go to the left hand pier waiting for the crossing boat.

เสน่แรก ที่เจอในทริปนี้ ก็คือบรรยากาศตอนเช้ามืด การเริ่มต้นวันใหม่ของผู้คนที่มาใช้บริการเรือข้ามฟาก ผู้โดยสารหลายคนขี่มอเตอร์ไซค์มาด้วย พอเรือเทียบท่า รอคนขึ้นเรือหมดแล้ว มอเตอร์ไซค์ก็ทยอยขับขึ้นเรือตามกันไป
If you come here before sunrise, you will see the local lifestyle at the begin of the day. I really like the way they cross the river with their motorcycle by the boat.


ข้ามฟากมาถึงท่าเรือวัดบางน้ำผึ้งนอก ค่าเรือข้ามฟาก คนละ 4 บาท ก็จะเป็นเวลาพระอาทิตย์ขึ้นพอดี
It took 4 bahts for crossing boat and the sun was rising then, what a beautiful moment!


 จากท่าเรือ ฝั่งตรงข้ามเยื้องไปหน่อยจะเห็นโรงกลั่นน้ำมันบางจากเปิดไฟสว่างสไวตัดกับฟ้าสีเข้ม  เราจะเห็นเรือใหญ่แล่นผ่านบ่อยๆ เพราะถัดจากนี้ไปก็จะเป็นท่าเรือคลองเตย ให้ความรู้สึกแปลกๆดีเหมือนกัน เวลาเรือใหญ่ที่เดินทางมาไกลแล่นตีคู่ไปกับเรือจิ๋วที่เดินทางข้ามฟากไปมาแค่2ฝั่งเจ้าพระยา ในเวลาที่ท้องฟ้ามีสีฉูดฉาด
from pier you will see oil refinery on the opposite river bank, such a nice scene when the lighting was still on. Not far from here is a deep water port so you may see a big ship pass by.



























ผ่านด่านจ่ายเงินค่าเรือข้ามฟาก แถวนั้นมีร้านเช่าจักรยาน สามารถเช่าจากตรงนี้ ขี่ไปจุดต่างๆของบางกระเจ้าได้เลยค่ะ ค่าเช่าทั้งวัน 50 บาทต่อคัน มีแผนที่บางกระเจ้าให้1ใบ
At the pier, there's a bike rental station. It's more convenience to rent a bike here and ride around. The cost is only 50bahts

นอกจากร้านเช่าจักรยาน ก็มีวินมอเตอร์ไซค์ให้บริการ แต่ถ้าอยากชิว จักรยานก็ตอบโจทย์

คนที่นี่ใจดี ทุกคนพร้อมช่วยเหลือนักท่องเที่ยว บรรยากาศเหมือนมาต่างจังหวัดเลย
The people here are so friendly, everyone is happy to help you.


เช่าจักรยานได้ ก็ได้รับคำแนะนำจากชาวบ้าน ว่าเช้าๆแบบนี้ ปั่นไปเที่ยว "สวนสาธารณะและสวนพฤกษชาติ ศรีนครเขื่อนขันธ์" สิ บรรยากาศดี เราก็ไม่รอช้า รีบปั่นไปสวนตามคำแนะนำ กะว่าจะได้ทันถ่ายรูปในช่วงที่แสงเช้าสวยๆที่นั่น 
Along the way here you may feel like you are riding in countryside not Bangkok.




แล้วก็ไม่ผิดหวังจริงๆด้วย บรรยากาศในสวนตอนเช้า มันสดชื่นไปอีกก มีคนมาวิ่งออกกำลังกายประปราย เด็กๆในชุมชนวัยประถม ฝีปากกล้า มาขายอาหารปลา เล่นไปขายไป ใครเดินเฉียดมาใกล้ก็แซวให้ช่วยอุดหนุน นี่ก็โดนไป1ถุง  10บาท  ซึ่งสุดท้ายก็ลืมให้ปลากิน แต่เอาเถอะ ในความรู้สึก เงิน10บาท ก็ได้ทำหน้าที่ของมันไปแล้ว : )
There is a nice public park and botanic garden, which have many kinds of tropical tree.

ปั่นวนไปวนมาในสวนสักพัก ได้เวลาอาหารเช้าแล้ว ปั่นไปตลาดน้ำกันดีกว่า  มือกำแผนที่ที่ร้านจักรยานแถมมาอย่างมั่นใจ แล้วปั่นต่อไปด้วยสายตามุ่งมั่น  แต่พอปั่นไปเจอใครระหว่างทาง ก็ถามทางเค้าตลอด เพราะแผนที่ที่กำไว้แน่นในมือนั้น มันสุดแสนจะคร่าวว

 coconut milk custard in small porcelain cup (left) Steamed Flour with Coconut Filling (right)

 coconut jelly



iced milk with hale's blue boy and lime hale's blue boy 

 Pad thai


egg custard in pumpkin



 Colorful Thai sweet sticky rice


  Spicy pickled oysters


 Chrysanthemum tea


 pudding with coconut topping




หลังจากถามจนสะใจ หลงนิดๆหน่อยๆพองาม ก็มาถึงตลาดน้ำทันหิวพอดี สำหรับใครที่เป็นสายกิน สายอาหารพื้นบ้าน ขนมไทย เราว่าคุณจะหลงรักที่นี่ได้ไม่ยาก ของกินหลากหลายจริงๆทั้งคาวหวาน ดั้งเดิม ครีเอทใหม่ เราว่าคนไทยมีความครีเอทในทุกสายวัฒนธรรมนะ แม้กระทั่งอาหาร
The highlight of this trip is local market, situated along the small canal. It quite famous among Thai people, lots of local food and dessert, lots of local products.

ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง เปิดตั้งแต่เช้า แบบเช้ามากๆ 7โมงก็น่าจะเปิดแล้ว ใครที่ไม่ชอบคนเยอะๆเบียดเสียด มาเช้าๆกำลังดีเลย เดินชิวๆชิมนู่นนี่ ซื้อของกินกลับไปตุนได้เพียบ
If you don't like crowded place you should come here a bit early because after 10am people will getting more crowded.

สำหรับทริปนี้ ไปครั้งแรกถือว่าประทับใจนะ ประทับใจคน ประทับใจความเป็นชุมชน บรรยากาศอารมณ์ต่างจังหวัดแบบ10นาทีถึง ที่ประทับใจมากๆในความรู้สึกส่วนตัวคือวิวที่ท่าเรือตอนพระอาทิตย์ขึ้น มันเกินคาดมากๆเลย รู้สึกดื่มด่ำจริงๆ ถึงแม้จะยังไปเที่ยวได้ไม่ทั่วบางกระเจ้า แต่สำหรับเรา ที่นี่มีเสน่และมีอะไรให้น่าค้นหาอีกเยอะ